10 วิธีรักษาเนื้อผ้า เมื่อต้องซักกรวมทำได้จริงไหม

10 วิธีรักษาเนื้อผ้า เมื่อต้องซักกรวมทำได้จริงไหม

ในวิธีการรักษาเนื้อผ้าให้ดูดีเหมือนใหม่ หรือทำให้เสื่อมสภาพช้าที่สุดให้เสื้อผ้าชุดเก่งชุดโปรดอยู่กับเราไปนาน การซักผ้ารวมไม่สามารถทำได้ นอกจากจะทำให้เนื้อผ้าเสียหายแล้ว ยังทำให้เชื้อโรคประเภทต่างๆ ปะปนกันได้ง่ายอีกด้วย โดยเฉพาะช่วงนี้โรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย โอกาสการติดต่อโดยการซักผ้ารวมเกิดขึ้นได้ง่าย ฉะนั้น การซักผ้ารวมแล้วยังถนอมเนื้อผ้านั้น ไม่มีอยู่จริง

10 วิธีง่ายๆ ในการถนอมเนื้อผ้าให้อยู่กับเราไปนานๆ

1.แยกเสื้อผ้าก่อนซัก

ความเข้าใจที่ว่า การซักผ้าต้องแยกผ้าสำหรับคุณพ่อบ้านแล้วก็คงแยกผ้าออกเป็นผีขาว กับผ้าสีเท่านั้น ซึ่งความจริงเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างมาก การแยกผ้าต้องแยกตามลักษณะของเนื้อผ้าดูไม่ใช้เฉพาะแยกตามสีเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่ถูกต้องเวลาแยกผ้าก็คือ (1) แยกผ้าตามชนิดของเนื้อผ้าก่อน แล้ว (2) ในแต่ละกองที่แยกมาจากข้อ (1) ค่อยแยกเป็นผ้าสี หรือผ้าขาวอีกทีหนึ่ง การแยกเสื้อผ้าตามชนิดตามสีของเสื้อผ้าเป้นการถนอมรักษาเนื้อผ้าได้ดีรูปแบบหนึ่งด้วย 

2.ผ้าบางชนิดตั้งซักมือเท่านั้น

   

พอคุณพ่อบ้านคุณแม่บ้านมีเครื่องซักผ้าดีๆ สักเครื่องแล้ว ทุกคนก็หวังว่าเสื้อผ้าทั้งหมดต่อไปนี้จะไม่มีการซักด้วยมืออีกต่อไป ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ยังคงมีเสื้อผ้าบางประเภทต่อให้เครื่องซักผ้าจะมีโปรแกรมที่ดีขนาดไหนเลือกซักตามประเภทของผ้าได้เพียงใด 

คุณพ่อบ้านแม่บ้านก็ยังต้องซักมืออยู่ดีเพื่อรักษาและคงสภาพเนื้อผ้าไว้ให้อยู่กับเราไปนานๆ เช่น  จำพวกผ้าไหม ผ้าซาติน ผ้าชีฟอง ผ้าจำนวนพวกนี้ต้องซักมือด้วยน้ำเย็นก่อน 1 รอบก่อนที่จะส่งเข้าเครื่องซักผ้าและต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มและผงซักฟอกสูตรอ่อนๆ ด้วย จะใช้สูตรขจัดคราบหมดจนไร้ร่องรอยสูตรแรงมากๆ ไม่ได้ ผ้าจะเกิดรอยด่างและเสียหายบรรลัยวายวอดทันที

3.ชุดชั้นในต้องแยกซักให้ถูกวิธี

          

การซักชุดนั้นในของคุณแม่บ้านและสาวๆ การซักด้วยมือเป็นวิธีรักษาสภาพของชุดชั้นในและเนื้อผ้าของชุดชั้นในได้ดีที่สุด แต่สมัยนี้บางคนก็ขี้เกียจที่จะลงมือซักเอง ทางออกที่ช่วยบรรเทาความเสียสำหรับการซักชุดชั้นในด้วยเครื่องซักผ้าได้ก็คือ ต้องแยกชุดชั้นในใส่ถุงตาข่ายก่อนที่จะนำลงเครื่อง เพียงเท่านั้นก็ช่วยรักษาสภาพชุดในของคุณแม่บ้านและสาวๆ ไว้ได้แล้ว

4. ดูแลสภาพเตารีด

         

การดูแลทำความสะอาดเตารีดเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยถนอมเนื้อผ้ารักษาเนื้อผ้าได้ เพราะถ้าเตารีดมีรอยไหม้ติดอยู่ ในการรีดเสื้อผ้าชิ้นต่อไป รอยคราบดำก็จะมาเปรอะเปื้นเสื้อผ้าอีกตัวได้ 

ในสมัยใหม่เตารีดไอน้ำได้รับความนิยมสูง หน้าเตารีดทำด้วยเทฟลอนโอกาสไหม้น้อยลง แต่การดูแลเตารีดไอน้ำถือต้องล้างกระปอกในส่วนที่ใส่น้ำบ่อย และทุกครั้งก่อนการเริ่มรีดต้องฉีดพ่นไอน้ำออกสัก 1 – 2 ครั้งก่อนเพื่อไล่ตะก่อนหรือความสกปรกที่ค้างอยู่ในเตารีด

5. วิธีเฉพาะในการซักเสื้อขนสัตว์

         

การซักเสื้อขนสัตว์ที่ดีเริ่มด้วยการนำกะละมังเล็กๆ ใส่น้ำเย็นๆ ที่ผสมด้วยยาสระผสมสูตรเด็ก แล้วนำเสื้อขนสัตว์มาแช่ไว้สัก 30 นาที ก่อนจะนำเสื้อขนสัตว์ขึ้นมาปิดให้หมาดๆ โดยไม่ต้องล้างน้ำออกก่อน จากนั้นนำมาวางลงบนผ้าขนหนูที่เตรียมไว้แล้วม้วนผ้าขนดูที่มีเสื้อขนสัตว์อยู่ด้านในสภาพประมาณเหมือนการห่อสายไหมอยุธยากินนั่นแหละ เพื่อซับน้ำที่ค้างอยู่ ก่อนจะนำไปตากให้แห้งแล้วนำไปรีดเก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อย

6. อย่าใช้ลูกเหม็นในตู้เสื้อผ้า

         

สมัยก่อนทุกที่ที่มีแมลงและแมงต่างๆ ไม่ว่าจะตู้กับข้าว ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า ฯลฯ เราจะใช้ลูกเหม็นไปวางกันแมลงและแมงเหล่านี้ไม่ให้เข้ามาได้ แต่ปรากฏว่าการใช้ลูกเหม็นในตู้เสื้อผ้ากลับเป็นผลเสียต่อเสื้อผ้า เพราะมีกลิ่นแรง กลิ่นของลูกเหม็นจะติดเสื้อนานและซักออกยาก ทางออกที่ดีคือให้ใช้ “ ไม้ซีดาร์ ” แทนเพราะเป็นไม้กลิ่นหอมประเภทหนึ่งที่กลิ่นของไม้สามารถขับไล่แมลงและแมงได้ ด้วยการนำมาห่อด้วยกระดาษชำระ ( เพื่อง่ายต่อการหยิบทิ้งเมื่อหมดอายุการใช้งาน ) มาวางแทนลูกเหม็น

7. เก็บชุดให้ถูกวิธี

ในเสื้อผ้าที่มีราคาแพง หรือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้บ่อยหรือใช้เป้นประจำ คุณพ่อบ้านแม่บ้านควรจัดเก็บเสื้อผ้าเหล่านี้ไว้ในถุงคลุ่มเสื้อเพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อผ้า และถนอมผ้าได้ดีกว่าการแขวนรวมๆ กับเสื้อผ้าชิ้นอื่น         

8. ใช้วิธีซักผ้าให้เหมาะกับเนื้อผ้า

         

การดูแลรักษาเนื้อผ้า ต้องเลือกวิธีการซักที่ถูกต้องสำหรับผ้าแต่ละประเภทด้วย การรีดผ้าก็เช่นเดียวกันต้องกำหนดระดับของไฟให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าด้วย ซึ่งปกติจะทีป้ายผ้าแสดงถึงวิธีการซักและวิธีการรีดไว้ด้านในขอบเสื้อผ้าแต่ละตัวอยู่แล้ว ผู้ใช้งานควรสังเกตให้ดีก่อนลงมือซักหรือรีดผ้า

9.การทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

       

  

ไม่ใช่ว่าเมื่อเครื่องซักผ้าแล้ว แยกผ้าเป็นแล้ว คุณพ่อบ้านแม่บ้านจะตะบี่ตะบันซักไปเรื่อยๆ ไม่ต้องดูแลบำรุงรักษาเครื่องซักผ้าได้จนกว่าจะพัง การซักผ้าประจำทุกวันทำให้เกิดการสะสมของสกปรก เชื้อโรค และคราบต่างๆ มากมายในเครื่องทั้งที่มองเห็นได้เอง และมองไม่เห็น วิธีทำความสะอาดเครื่องสักผ้าซึ่งควรทำทุก 15 วันคือการใช้น้ำยาบ้วนปากครึ่งแก้วเทลงในช่องผงซักฟอกแล้วเปิดระบบการล้างเครื่อง เพียงเท่านี้บรรดาเชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียถูกทำลายสลายตัวไปหมด

10.ควบคุมเวลาในการตากผ้า

การตากผ้านานๆ บางคนเชื่อว่าช่วยแก้กลิ่นอับและฆ่าเชื้อโรคได้ดี โดยเฉพาะแดดในเมืองไทย แต่การเอาผ้าแตกแดดนานเกินไปกลับเป็นผลร้ายกับเนื้อผ้า ทำให้สีซีดเร็ว เนื้อผ้าเสื่อมเร็ว ทางที่ดีคือตากให้พอแห้งแล้วนำมารีดด้วยเตารีดไอน้ำที่มีจะดีที่สุด

How to เลือกกระโปรง ทำงาน ตามทรวดทรงให้เข้ากับตัวเองมากที่สุด